บทที่ 4: ฉันเป็นเกย์ที่โดดเด่น
บทที่ 4: ผมเป็นเกย์สายโดมิแนนท์
ลูเชียส
“แกไปทำอะไรมา” ผมถาม รู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย
น้องชายสุดที่รักของผมเป็นลูกชายที่สมบูรณ์แบบสำหรับพ่อผู้เป็นที่รักของผมมาโดยตลอด ไม่ใช่ว่าเขามีทางเลือกมากมายนักหรอกนะ และก็ไม่ค่อยสร้างปัญหาให้ผมเท่าไหร่
“คือ... ผมอาจจะ...หรือไม่ก็อาจจะ...เข้าเรียนหลังจากพี้กัญชามา” เขาพึมพำอย่างอายๆ
“แล้วครูคนหนึ่งของผมก็เห็นเข้า”
เจ้าเด็กโง่เอ๊ย คือผมก็เข้าใจความเครียดที่เขาได้รับจากประมุขของบ้านเรานะ ผมเคยผ่านมาเหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็น่าจะรอให้เลิกเรียนก่อนแล้วค่อยทำอย่างสุขุมรอบคอบกว่านี้ หรือไม่ก็หาวิธีอื่นระบายความเครียด ทำไมไม่ไปหาเรื่องอย่างว่าเหมือนวัยรุ่นคนอื่นเขากันนะ
“ครูคนไหน” ผมถามเสียงเย็น
“ครูสอนวิทยาศาสตร์ครับ”
ผมไม่แปลกใจเลย จากที่เขาเคยเล่าให้ฟัง ครูคนนี้ยังหนุ่มและฉลาดมาก เขาใส่ใจนักเรียนของเขาอย่างแท้จริง แน่นอนว่าเขาต้องเห็นเจ้าเด็กขี้ยาตัวน้อยนั่นก่อนที่จะก้าวเข้าห้องเรียนไม่ถึงสามก้าวด้วยซ้ำ
“แล้วจะให้ฉันช่วยอะไรได้บ้างล่ะทีนี้ ฉันไม่เข้าไปขวางพ่อแน่ถ้าท่านตัดสินใจจะฆ่าแก”
เขาจะต้องชดใช้อย่างสาสมแน่ถ้าพ่อของเรารู้เรื่อง และถึงแม้ผมจะเห็นด้วยว่าเขาต้องถูกลงโทษเพื่อสั่งสอนสำหรับเรื่องโง่ๆ แบบนี้ ผมก็ไม่อยากให้แม้แต่ศัตรูตัวฉกาจต้องมาเจอบทลงโทษของพ่อเลย
“เขาตกลงว่าจะไม่บอกพ่อครับ” เขาตอบ
ก็ดีไป เขาอาจจะมีชีวิตรอดไปได้อีกวัน
“แต่เขายังอยากจะคุยกับสมาชิกในครอบครัว”
โอ้ ไม่นะ ผมไม่ชอบเลยว่าเรื่องนี้กำลังจะไปทางไหน
“ผมก็เลย...หว่านล้อมให้เขามาเจอพี่แทน เขาอยากจะพบพี่พรุ่งนี้หรือไม่ก็มะรืนนี้ตอนห้าโมงเย็นครับ”
เยี่ยมไปเลย เจ้าเด็กแสบนี่หนีรอดจากโทสะของพ่อไปได้ แถมยังทำให้ผมต้องเสียเวลาทำงานไปหนึ่งบ่าย แต่ถึงผมจะเกลียดความคิดที่จะต้องไปเจอครูของเขามากแค่ไหน ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ ตอนที่เขากำลังโต ผมทำอะไรให้เขาไม่ค่อยได้มากนัก และเจ้าเด็กจอมบงการนี่รู้ดีว่าผมรู้สึกผิดกับเรื่องนั้น เขาก็เลยรู้ว่าผมต้องยอมรับ
“พรุ่งนี้ฉันไม่ว่าง บอกเขาว่าเป็นมะรืนนี้แล้วกัน” ผมพึมพำอย่างไม่พอใจ
“ขอบคุณครับพี่ พี่สุดยอดที่สุดเลย”
“อย่าเพิ่งดีใจไปนักเลย เจ้าตัวเล็ก” ผมพูดเสียงเข้ม
“ฉันจะไม่บอกพ่อ แต่ไม่ว่าครูของแกจะลงโทษอะไรในระหว่างการพบกันครั้งนี้ แกจะต้องยอมรับโดยไม่มีข้อโต้แย้ง ฉันอาจจะเพิ่มโทษให้ด้วยซ้ำถ้าเห็นว่ามันเบาเกินไป และฉันไม่อยากได้ยินเรื่องที่แกไปยุ่งกับของพรรค์นั้นในวันเรียนอีกเด็ดขาด เข้าใจตรงกันนะ”
“ครับ เข้าใจตรงกันครับ” เขาตอบกลับ เสียงอ่อยลงเล็กน้อย
“แต่...ขอบคุณนะครับ พี่ช่วยชีวิตผมไว้จริงๆ”
“อะไรก็ยอมได้เพื่อน้อง และแกก็รู้ดีนี่ น้องชาย เดี๋ยวไว้เจอกันหลังคุยกับครูของแกเสร็จนะ โอเคไหม”
“โอเคครับ แล้วเจอกันครับ” เขาวางสายไป
ผมเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วค่อยๆ นวดขมับด้วยมือข้างหนึ่ง ขอบคุณพระเจ้าที่มะรืนนี้เป็นวันศุกร์ แบบนี้การออกจากที่นี่เร็วหน่อยก็คงจะง่าย ผมมีนัดตอนบ่ายสองพอดี คงต้องให้ผู้ช่วยของผมเลื่อนนัดออกไป ผมกลับไปอ่านรายงานต่อ เพิ่มบันทึกสองสามอย่างในจุดที่จำเป็นก่อนจะส่งกลับไปให้ทีมบัญชีตรวจสอบ ผมปิดบันทึกข้อตกลงของทีมสื่อสาร พวกเขากำลังเสนอให้จัดทำบล็อกบางส่วนบนเว็บไซต์เพื่อแสดงให้เห็นว่าชีวิตและการทำงานของพวกเขาเป็นอย่างไร
ผมเปิดโทรศัพท์ส่วนตัวที่ปิดไว้เพราะไม่อยากให้มีอะไรมารบกวนบ่ายนี้ แล้วก็พบกับข้อความดีๆ ข้อความหนึ่ง
‘คืนพรุ่งนี้มาสเตอร์ลูเชียสจะไปที่คลับไหมครับ ผมต้องการถูกลงโทษ’ เป็นข้อความจากหนึ่งในซับมิสซีฟคนก่อนๆ ของผม
ผมเป็นเกย์สายโดมิแนนท์ ผมชอบที่จะควบคุมคู่ของผม ที่จริงมันมากกว่านั้น ผมต้องการการควบคุมที่สมบูรณ์และแทบจะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แน่นอนว่ามันเป็นไปด้วยความยินยอมเสมอ ดังนั้นคู่ของผมจึงเป็นสิ่งที่เรียกว่าซับมิสซีฟ คือคนทื่ชอบยอมมอบการควบคุมให้กับโดมิแนนท์ ส่วนใหญ่มันเกี่ยวข้องกับเรื่องเซ็กส์ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เวลาที่ผมมีสัญญากับซับมิสซีฟ เขามักจะย้ายเข้ามาอยู่กับผม และผมชอบที่จะควบคุมทุกแง่มุมในชีวิตส่วนตัวของเขา ไม่ใช่เพื่อเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นทาสบำเรอกาม แต่เพื่อช่วยให้เขาดึงศักยภาพสูงสุดของตัวเองออกมา ซับมิสซีฟวัยรุ่นของผมที่ต้องการให้พ่อแม่คอยตรวจว่าทำการบ้านเรียบร้อยดีไหม พวกเขามักจะมีความฝันอันสวยหรู แต่ต้องการแรงผลักดันไปในทิศทางที่ถูกต้องและคำแนะนำที่เข้มงวดเพื่อทำให้แรงบันดาลใจเหล่านั้นเป็นจริง
คุณอาจจะพูดได้ว่าผมก็แค่กำลังทำซ้ำรอยสิ่งที่พ่อเคยทำกับผมในวัยเด็ก และในแง่หนึ่งมันก็อาจจะจริง แต่ผมพยายามให้ความสำคัญกับความต้องการของซับมิสซีฟมากกว่าของตัวเองเสมอ และแน่นอนว่าผมไม่ได้พยายามจะยัดเยียดความทะเยอทะยานของตัวเองให้พวกเขา มันเป็นความสัมพันธ์ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความไว้เนื้อเชื่อใจ ความเคารพ และการสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่เรื่องของเครื่องหนัง กุญแจมือ และแส้ ถึงแม้ว่า...ผมจะชอบจับพวกซับมิสซีฟของผมมัดอยู่เหมือนกัน แต่พวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะถอยได้ทุกเมื่อหากรู้สึกว่ามันหนักหนาเกินไปสำหรับตัวเอง
แอรอนคือซับมิสซีฟที่ผมคบหาด้วยนานที่สุดเท่าที่ผ่านมา เรามีสัญญากันหลายฉบับซึ่งแต่ละฉบับก็ยาวนานกว่าหนึ่งปี และทุกอย่างก็กำลังไปได้สวย ตอนที่เจอเขาครั้งแรก เขาเป็นเหมือนเด็กหลงทางคนหนึ่ง แต่ภายใต้การชี้แนะของผม เขาก็กลับไปเรียนหนังสือและถึงขั้นสอบติดหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของประเทศได้ ผมค่อยๆ ตกหลุมรักเขา...ไลฟ์สไตล์แบบนี้ไม่ได้กีดกันความรักเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเสียอีก แต่ท้ายที่สุดเขาก็รู้สึกอึดอัดกับการควบคุมของผมมากเกินไป เพราะผมเป็นคนเข้มงวดสุดๆ และต้องการควบคุมทุกอย่างให้อยู่ในมือ เราเลยจบความสัมพันธ์กันด้วยดีเมื่อห้าเดือนก่อน แต่ก็ยังเจอกันบ้างเป็นครั้งคราวเพื่อมีเซ็กซ์ที่ร้อนแรงและสุดยอดด้วยกัน ถึงแม้มันจะไม่ใช่วิธีใช้ชีวิตหลังเลิกราที่ดีต่อสุขภาพนัก แต่ตอนนี้เขาเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะเจอกันเมื่อไหร่ สุดท้ายแล้วพวกเขาก็เป็นฝ่ายกุมอำนาจอยู่ดี และผมก็สามารถลดความคาดหวังในความสัมพันธ์ของเราลงได้แล้ว มันจึงลงตัวสำหรับผม
คลับที่เขาพูดถึงเป็นไนท์คลับของกิเดียน เพื่อนสนิทของผมเอง เราเรียนบริหารธุรกิจที่เดียวกัน และในขณะที่ผมตัดสินใจเริ่มธุรกิจแรกด้านบริการส่งอาหาร เขากลับเลือกที่จะเข้าสู่วงการบันเทิง คลับของเขาแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกสำหรับบุคคลทั่วไป และส่วนที่สองเป็นส่วนตัว ค่อนข้างลับ และอุทิศให้กับวงการบีดีเอสเอ็มโดยเฉพาะ มันเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมซึ่งเราสามารถปลดปล่อยไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้โดยไม่ต้องกลัวผลกระทบในสื่อ เพราะสมาชิกทุกคนต้องเซ็นสัญญาห้ามเปิดเผยข้อมูล ที่จริงพรุ่งนี้ผมคงไม่ไปเพราะช่วงนี้งานยุ่งมาก แต่แค่คิดว่าจะมีเด็กหนุ่มหน้าตาหมดจดคนนี้มาคุกเข่าอยู่แทบเท้าก็ทำเอาผมแข็งขืนจนปวดไปหมดแล้ว ดังนั้นผมคงต้องเปลี่ยนแผน อีกอย่าง กิเดียนกับซับมิสซีฟของเขาก็คงดีใจที่ได้เจอผม
‘เดี๋ยวไปแน่ ไปก่อเรื่องอะไรมาอีกล่ะ เจ้าเด็กดื้อ?’ ผมตอบข้อความของเขา
‘ช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาผมเที่ยวบ่อยไปหน่อย แล้วก็เริ่มเกเรเรื่องเรียน ถ้าเกรดไม่ดีขึ้นเร็วๆ นี้ ผมอาจจะต้องโบกมือลาทุนการศึกษาปีหน้า’
ดูเหมือนว่าจะมีคนต้องการเครื่องเตือนใจสักหน่อยสินะว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อไม่ตั้งใจเรียนให้ดี ในหัวของผมเริ่มวางแผนบทลงโทษสำหรับเขาแล้ว ซึ่งมันจะไปจบลงที่การจับเขากระแทกอย่างรุนแรง นานมากแล้วที่เราไม่ได้มีเซ็กซ์กัน และเพราะผมรู้จักร่างกายของเขาดี มันจึงมักจะดีกว่าการมีอะไรกับซับมิสซีฟคนอื่นที่ไม่คุ้นเคย ผมน่าจะไปถึงคลับได้ตั้งแต่หัวค่ำแล้วถ้าหากไม่กลับเข้าออฟฟิศหลังประชุมนอกเมืองเสร็จเสียก่อน แบบนั้นผมจะได้เพลิดเพลินกับเขาได้ทั้งคืน
‘ดูท่าว่าใครบางคนจะเจอปัญหาใหญ่เข้าแล้วสินะ เจอกันที่เพลย์รูมของฉันสี่ทุ่มตรงพรุ่งนี้’
ในคลับเต็มไปด้วยเพลย์รูมแบบนี้ที่คุณสามารถเช่าได้เป็นคืนหรือเป็นเดือน แต่หนึ่งในข้อดีของการเป็นเพื่อนกับเจ้าของก็คือผมมีเพลย์รูมส่วนตัวเป็นของตัวเอง ผมต้องรีบหาอะไรอย่างอื่นทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ถ้าอยากจะกำจัดอาการแข็งตัวอย่างรุนแรงที่กำลังเผชิญอยู่นี้ ผมส่งข้อความสั้นๆ ไปหากิเดียน บอกเขาว่าพรุ่งนี้จะเข้าไปที่คลับ ขณะก้าวขึ้นรถ ผมทักทายคนขับรถขณะที่เขาติดเครื่องยนต์ เขาเป็นมากกว่าแค่คนขับรถของผม เขาเริ่มทำงานให้ผมตั้งแต่สมัยที่ผมยังอาศัยอยู่บ้านพ่อ ในฐานะบอดี้การ์ดควบคู่ไปกับคนขับรถ และเขายังเก่งมากเรื่องการหาข้อมูลที่ใครบางคนพยายามซ่อนเร้น
เขาเป็นคนเดียวที่ยังใส่ใจติดต่อกับผมตอนที่ผมถูกพ่อตัดขาด และทันทีที่มีโอกาส ผมก็จ้างเขามาทำงานด้วย การมีใครสักคนที่คุณสามารถไว้ใจได้อย่างเต็มที่และรู้วิธีปฏิบัติการอย่างเงียบๆ โดยไม่เป็นที่สังเกตนั้นเป็นสิ่งล้ำค่าอย่างยิ่ง



























































































































































